กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 10 พฤษภาคม 2559 – บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีชั้นนำระดับโลก ประกาศผลประกอบการโดยบริษัทฯรับรู้กำไรหลักสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม (Core Profit after tax and NCI) จำนวน 1.3 พันล้านบาทในไตรมาสที่ 1 ปี 2559 เติบโตขึ้นร้อยละ 8 เมื่อเทียบปีต่อปี แม้ว่าจะมีการปิดปรับปรุงโรงงานผลิตเอทิลีนออกไซต์/เอทิลีนไกลคอล (EOEG) ในสหรัฐอเมริกาเกือบทั้งไตรมาสที่ 1 เพื่อเปลี่ยนตัวเร่งปฏิกริยา (catalyst) และมีการซ่อมบำรุงนอกจากแผนที่วางไว้ ทั้งนี้โรงงานดังกล่าวได้กลับมาดำเนินงานตามปกติในวันที่ 15 เมษายน

บริษัทฯ รับรู้ Core EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เป็น 22.1 พันล้านบาทสำหรับสิบสองเดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 1 ปี 2559 และรับรู้กำไรหลักสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 เป็น 6.6 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันในปี 2558 บริษัทฯ มีการรับรู้รายการขาดทุนจากสินค้าคงเหลือซึ่งไม่กระทบเงินสดจำนวน 0.5 พันล้านบาท (หลังปรับปรุงทางภาษี) ซึ่งเกิดจากราคาที่ลดต่ำลงและถูกชดเชยด้วยกำไรจากรายการพิเศษจำนวน 3.3 พันล้านบาทโดยส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากการต่อรองราคาซื้อจากการเข้าซื้อกิจการ BP ในรัฐอลาบามา ส่งผลให้บริษัทฯรายงานกำไรสุทธิจำนวน 4.1 พันล้านบาท

นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ กล่าว “ผมรู้สึกยินดีมากที่เห็นว่าเรามีผลการดำเนินงานที่สูงกว่าคาดการณ์ แม้ว่าโรงงานผลิตเอทิลีนออกไซต์และเอทิลีนไกลคอลในรัฐเท็กซัสปิดปรับปรุงเกือบทั้งไตรมาส แสดงให้เห็นว่า เราเติบโตอย่างมีกลยุทธ์และมีความหลากหลายมากขึ้นทั้งในด้านที่ตั้งและกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งช่วยเสริมสร้างให้เราเติบโตอย่างยั่งยืน ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ เราจะได้เห็นการเติบโตที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการบูรณาการและการเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มจากโรงงาน BP ในดีเคเตอร์ และโรงงาน Cepsa ในประเทศสเปนที่เพิ่มเข้ามาในกลุ่ม”

นายโลเฮีย มองว่า ในขณะที่อเมริกาเหนือมีผลการดำเนินงานที่หลากหลาย เนื่องจากการปิดปรับปรุงโรงงาน EOEG แต่ผลิตภัณฑ์ PET และ HVA ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ธุรกิจ PTA ในเอเชียที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุปทานส่วนเกินอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มมองเห็นสัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของ Core EBITDA ที่เติบโตร้อยละ 96 จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ประกอบกับธุรกิจเส้นใยที่มี Core EBITDA เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้บริษัทฯ มีการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง