กรุงเทพฯ – ประเทศไทย – 8 พฤศจิกายน 2561 – บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2561 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2561

ผลการดำเนินงานที่สำคัญ

  • รายได้จากการขายรวม 2,920 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3/2561; ในรอบสิบสองเดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2561 มีรายได้รวม 10,088 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบปีต่อปี
  • กำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) 409 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3/2561; Core EBITDA ในรอบสิบสองเดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 1,379 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 45 เมื่อเทียบปีต่อปี
  • กำไรหลักสุทธิ (Core Net Profit) 260 ล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสที่ 3/2561; 786 ล้านเหรียญสหรัฐในรอบสิบสองเดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2561 เพิ่มขึ้นร้อยละ 89 เมื่อเทียบปีต่อปี
  • กำไรหลักต่อหุ้น (Core EPS) ในรอบสิบสองเดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 4.49 บาทต่อหุ้น – เพิ่มขึ้นร้อยละ 65 เมื่อเทียบปีต่อปี หลังจากจํานวนหุ้นใหม่ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 จากการใช้สิทธิในใบสำคัญแสดงสิทธิ (warrants)
  • หนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิต่อทุน อยู่ที่ 0.53 และผลตอบแทนหลักจากการใช้เงินลงทุน (Core ROCE) อยู่ที่ร้อยละ 14 โดยใช้เกณฑ์ 12 เดือนล่าสุด

ข้อมูลสรุป:
บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานรายไตรมาสที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนให้เห็นถึง:

  • การพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ - เป็นผลจากกลยุทธ์ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมีกำไรและยั่งยืน ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Necessities ที่มีปริมาณการผลิตสูงและกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ที่มีกำไรสูง ไอวีแอลเสริมสร้างการเติบโตทั้งในด้านขนาด ภูมิศาสตร์การดำเนินธุรกิจและความแข็งแกร่งของธุรกิจในตลาดหลักภายในประเทศ
  • การลงทุนอย่างมีกลยุทธ์ - บริษัทฯ มีการยกระดับขนาดของธุรกิจระกับโลกในห่วงโซ่คุณค่าโพลีเอสเตอร์และธุรกิจ HVA จากการเข้าซื้อกิจการที่เกิดขึ้นล่าสุด ไอวีแอลมีการเพิ่มกำลังการผลิต PET จำนวน 1.1 ล้านตันจากการเข้าซื้อกิจการในประเทศบราซิลและอียิปต์ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มกำลังการผลิต PTA จำนวน 1.1 ล้านตันจากการเข้าซื้อกิจการในประเทศโปรตุเกส เพิ่มเติมจากการขยายการผลิตของโรงงาน PTA ในเมืองร็อตเตอร์ดัม ซึ่งกิจการเหล่านี้ส่งผลต่อกำไรที่เพิ่มขึ้นของไอวีแอล ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้เพิ่มความแข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA จากการเข้าซื้อกิจการบริษัท Kordarna ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และบริษัท Avgol ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ซึ่งจะส่งผลต่อกำไรในปี 2562 ส่วนโครงการ Corpus Christi ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนในสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าจะเริ่มการผลิตเป็นช่วงภายในปี 2563 ภายหลังขั้นตอนทางกฎหมายเสร็จสิ้น และเมื่อแล้วเสร็จ โรงงานแห่งนี้จะเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดและมีการบูรณาการของ PTA-PET ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
  • ความแข็งแกร่งของงบการเงินและการเติบโตอย่างมีวินัย - เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2561 ทริส เรทติ้ง มีการปรับเพิ่มระดับความน่าเชื่อถือของไอวีแอลจาก A+ เป็น AA- แนวโน้มคงที่ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน บริษัทฯ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและจากการเพิ่มทุนจากการใช้สิทธิวอแรนต์ ส่งผลให้ไอวีแอลมีสัดส่วนหนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิต่อทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 0.53 เท่า ในรอบสิบสองเดือนสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 ปี 2561 ทำให้มีเพดานการลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต
  • การพัฒนาอย่างยั่งยืน – ไอวีแอลได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Index) เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไอวีแอลเพื่อความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนและผู้นำในกลุ่มบริษัทเคมีภัณฑ์ระดับโลก

ตัวเลขทางการเงินหลักของบริษัทในไตรมาสที่ 3/2561:

(หน่วย: ล้านเหรียญสหรัฐ) รายไตรมาส รอบสิบสองเดือน
ไตรมาสที่ 3/2561 ไตรมาสที่ 2/2561 ไตรมาสที่ 3/2560 ไตรมาสที่ 3/2561 (เปรียบทียบ) YoY สิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2561 สิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2560 (เปรียบ เทียบ) YoY
รายได้จากการขายรวม 2,920 2,618 2,174 34% 10,088 8,148 24%
กำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Core EBITDA) 409 388 291 40% 1,379 953 45%
กำไรหลักต่อหุ้น หลังจากดอกเบี้ยจ่ายสำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน (บาท) 1.48 1.31 0.86 72% 4.49 2.72 65%
Core EBITDA ต่อตัน (เหรียญสหรัฐต่อตัน) 150 153 122 23% 139 105 32%

นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าว:

“ไอวีแอลมีความเหมาะสมอย่างมากในสภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันด้วยการดำเนินงานกระจายตัวใน 30 ประเทศทั่วโลก รองรับตลาดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ และยังคงสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมีเสถียรภาพ มีภูมิคุ้มกันแม้ในสภาวะที่การค้าระหว่างประเทศมีความผันผวน เราอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของกำไรและปริมาณการผลิตในปี 2561 และ 2562 เนื่องจากเอกลักษณ์ในการดำเนินธุรกิจและสินทรัพย์ที่ครอบคลุมทั่วโลกตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า

เรายังคงยืนยันตัวเลขประมาณการณ์ในปี 2562 ที่คาดการณ์ว่า core EBITDA ในปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 74 หรือราว 1.75 พันล้านเหรียญสหรัฐจากสิ้นปี 2560 ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 และในช่วงเก้าเดือนปี 2561 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนไม่แน่นอน ทำให้เรามีความมั่นใจในโมเดลธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นของเรา ตลอดจนแนวโน้มกำไรและกระแสเงินสดที่ยั่งยืนในอนาคต”