กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 10 พฤศจิกายน 2557 – บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือไอวีแอล ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นกลางชั้นนำระดับโลก รายงานผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนแรกของ ปี 2557 ว่ามีรายได้รวมอยู่ที่ 189.3 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2556 กำไรหลักก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย(Core EBITDA) อยู่ที่ 14.4 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2556 และมีกำไรหลักสุทธิอยู่ที่3.6 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 129 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2556 โดยปริมาณการผลิตและรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นมาจากการเข้าซื้อกิจการ โครงการปรับปรุงกำลังการผลิต การเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้กำลังการผลิตและการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (high value-added) หรือ HVA

“ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์และผลิตภัณฑ์ช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในทุกภูมิภาค บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดที่เรามีการดำเนินธุรกิจ” นายโลเฮียกล่าว “เรายังคงขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน ในขณะเดียวกันรักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวภายใต้สภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค”

ในงวด 9 เดือน ปี 2557ธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม (high value-added) หรือ HVAคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 21 ของปริมาณการผลิตรวม ร้อยละ 33 ของรายได้และร้อยละ 40 ของ Core EBITDA ราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างรวดเร็ว การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐและดอกเบี้ยที่ลดต่ำลง ส่งผลทางบวกต่อธุรกิจโดยรวม “เรารู้สึกยินดีกับผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรก ปี 2557ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จสูงสุดตามกลยุทธ์” นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าว ในอนาคตราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง จะส่งผลทางบวกต่อปริมาณความต้องการในผลิตภัณฑ์ทั่วไปที่มีความจำเป็น (PET และเส้นใยเส้นด้าย) และช่วยเพิ่มกำไรให้กลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม นอกจากนี้บริษัทฯ ได้รับผลบวกต่อต้นทุนโดยรวมของบริษัทฯ จากการอ่อนตัวลงของค่าเงินยูโร เปโซเม็กซิกัน ลีราตุรกีและรูเปียอินโดนีเซียน”

ไอวีแอล มีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นและสามารถป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบได้ดี เห็นได้จากกำไรจากสินค้าคงเหลือ 80 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3/2557ในไตรมาสนี้บริษัทฯ มีรายได้รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 อยู่ที่ 63.6 พันล้านบาทและมี Core EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนและมีกำไรหลักสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 41 อยู่ที่ 795 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน การเพิ่มขึ้นของกำไรก่อนหักดอกเบี้ยจ่าย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกระแสเงินสดเข้าจากเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากราคาวัตถุดิบที่ลดต่ำลง (ซึ่งลดลงในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันดิบ) ประกอบกับความเป็นเลิศในการปฏิบัติงาน ส่งผลให้กระแสเงินสดเข้าจากการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของ ปี 2557อยู่ที่ 19.1 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 127  เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2556

บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินการดำเนินงานสุทธิต่อทุนลดลงเป็น 1.25 เท่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2557 จาก 1.31 เท่าเมื่อช่วงต้นปี และจากความสำเร็จที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม ทำให้มีอัตราส่วนหนี้สินการดำเนินงานสุทธิต่อทุนเป็น 0.81 เท่า (ตัวเลขที่ประมาณคำนวณโดยตั้งสมมติฐานจากผลการดำเนินงานเดือนกันยายน) บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนครั้งใหญ่ที่สุดของไทยวงเงิน 15,000 ล้านบาท และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดยบริษัท ทริส เรทติ้งอยู่ที่ระดับ A+ ในเดือนตุลาคม 2557

(1)รวมเงินประกันชดเชยการสูญเสียรายได้เนื่องจากธุรกิจหยุดชะงัก, (2)รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย, (3)รายการพิเศษประกอบด้วยกำไรจากการต่อรองราคาซื้อจากการเข้าซื้อกิจการ ค่าใช้จ่ายจากการเข้าซื้อกิจการ ค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มดำเนินงานค่าสินไหมทดแทนและค่าเผื่อขาดทุนในสินค้าคงเหลือและทรัพย์สินจากสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดลพบุรี ประเทศไทย,
ข้อสังเกต: ข้อมูลทางการเงินรวมภายหลังการตัดรายการระหว่างกันในบริษัทในกลุ่ม(หรือระหว่างกลุ่มธุรกิจ) ทำให้อาจไม่เท่ากับยอดรวมของแต่ละส่วนธุรกิจ