นโยบายองค์กรของไอวีแอล

ไอวีแอลมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอนาคตเป็นอย่างไร

ไอวีแอลคาดว่าจะรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลเช่นเดิม คือ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหลังหักสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ คณะกรรมการ บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส เป็นผู้มีอำนาจอนุมัติในการพิจารณานโยบายการจ่ายเงินปันผลเป็นคราวๆ ไป โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์สูงสุด เช่น เงินสำรองเพื่อจ่ายชำระหนี้เงินกู้ยืม แผนการลงทุนในการขยายกิจการ หรือเพื่อสนับสนุนกระแสเงินสดของบริษัทในอนาคต ในกรณีที่มีผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะตลาด (หนังสือรายงานประจำปี บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส ปี 2556)

ไอวีแอลไม่มีการกำหนดสัดส่วนการถือครองหลักทรัพย์โดยผู้ลงทุนต่างประเทศ

กลยุทธ์ขององค์กร

จากประสบการณ์ในการสร้างหรือเข้าซื้อกิจการที่ผ่านมาของไอวีแอล เราเชื่อว่าโครงการเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะมีการดำเนินการ ขณะนี้ไอวีแอลยังอยู่ในช่วงการหารือกับคู่ธุรกิจ ซึ่งการหารือนั้นดำเนินไปได้อย่างราบรื่น เรารู้สึกเชื่อมั่นว่าผลลัพธ์ของการเจรจาจะออกมาดีและเราต้องการที่จะเตรียมการณ์ไว้ล่วงหน้า

ไอวีแอลกำลังเจรจากับหุ้นส่วนในอนาคตที่วางแผนจะสร้างGas Crackerระดับโลกในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากก๊าซธรรมชาติที่ได้จากชั้นหิน และสามารถตั้งโรงงานผลิต MEGได้ แต่เนื่องจากโครงการนี้ยังเป็นโครงการที่เรากำลังศึกษาอยู่ เราจึงไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้มากกว่านี้

บริษัทฯ คาดว่าอเมริกาเหนือจะยังคงมีความสามารถในการแข่งขัน เมื่อเปรียบเทียบการใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบและแนฟทาในการผลิต MEG ในเอเชีย ดังนั้นแล้ว เราคาดว่าอเมริกาเหนือจะยังคงมีความได้เปรียบทางการแข่งขันนี้อยู่ สำหรับเอทิลีนส่วนเกินจะถูกใช้หมดไปด้วยความต้องการที่สูงขึ้นภายในปี 2563

ตอนนี้เรามุ่งความสนใจไปยังโครงการที่กำหนดไว้ตามแผนธุรกิจปี 2561การเข้าร่วมโครงการGas Crackerในสหรัฐอเมริกา และโอกาสในการควบรวมและเข้าซื้อกิจการอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไอวีแอลมีความสามารถในการบริหารทรัพยากรบุคคลมากขึ้นเนื่องจากมีการลาออกของผู้บริหารในอัตราที่ต่ำ และการได้ผู้บริหารที่มีความสามารถเข้ามาทำงานในองค์กรจากการเข้าซื้อกิจการอื่น เช่น การเข้าซื้อกิจการ FiberVisions, Old World, Trevira, Wellman เป็นต้น

หลักเกณฑ์การลงทุน

เพื่อให้อัตราผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นในระดับสูง ในการประเมินโครงการใหม่ไอวีแอลจะตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนของโครงการที่อัตราร้อยละ 15 โดยประมาณ โดยอ้างอิงกับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน

การจัดหาเงินทุน

ไอวีแอลจะพิจารณาทั้งการออกหุ้นกู้ และ/หรือ การกู้ยืมเงินจากสถาบันทางการเงิน ขึ้นอยู่กับตลาดตราสารหนี้ อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศและต่างประเทศ

ราคาตลาดที่แท้จริงของวอแรนต์ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อาทิ สภาพตลาด อุปสงค์และอุปทานของวอแรนต์ และ ราคาหุ้นของไอวีแอลดังนั้นจึงไม่สามารถประเมินราคาของวอแรนต์เป็นตัวเลขได้

กลยุทธ์ทางธุรกิจ

บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนและแข็งแกร่ง อันนำมาซึ่งการเติบโตและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม:

  • ความมุ่งมั่นและการเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจโพลีเอสเตอร์ โดยบริษัทเป็นผู้ผลิต PET รายใหญ่ที่สุดในโลก และผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์ PTA และผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์ และเส้นใย โพลีเอสเตอร์ (Polyester Fibre)
  • การมีฐานการผลิตทั่วโลกเพื่อรองรับการให้บริการแก่บริษัทลูกค้าชั้นนำของโลก บริษัทจึงมีข้อได้เปรียบทางด้านการขนส่งที่รวดเร็ว ประกอบกับสินค้าที่ผลิตได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ
  • การเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำที่สุดในอุตสาหกรรม เนื่องจากบริษัทมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีขนาดใหญ่ มีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูง การเข้าซื้อกิจการอื่นในราคาที่น่าพอใจ และการรวมตัวด้านการดำเนินงาน (Integrated Operation)
  • ทีมผู้บริหารมากด้วยประสบการณ์โดยสามารถยืนยันได้จากผลงานที่ผ่านมาจากด้านการเติบโตและการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ

บริษัทดำเนินธุรกิจโดยมีกลยุทธ์ที่จะ “ดำเนินตามความต้องการของลูกค้า” ซึ่งไม่ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ การเข้าซื้อสินทรัพย์ หรือการพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษก็ตาม ลูกค้าของบริษัทให้ความยอมรับต่อความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ และการนำเสนอบริการที่ดีเยี่ยมจากบริษัท ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้อย่างดี ด้วยความน่าเชื่อถืออย่างสม่ำเสมอ

บริษัทดำเนินธุรกิจโดยมีกลยุทธ์ที่จะ “ดำเนินตามความต้องการของลูกค้า” ซึ่งไม่ว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ การเข้าซื้อสินทรัพย์ หรือการพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษก็ตาม ลูกค้าของบริษัทให้ความยอมรับต่อความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจ และการนำเสนอบริการที่ดีเยี่ยมจากบริษัท ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่สามารถแข่งขันได้อย่างดี ด้วยความน่าเชื่อถืออย่างสม่ำเสมอ

ตามแผนงาน “Aspiration 2014” กำลังการผลิตของบริษัทจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10 ล้านตัน สำหรับทุกธุรกิจของบริษัทภายในปี 2557 กำลังการผลิตในธุรกิจเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์จะมีอัตราการเพิ่มมากที่สุด ขณะที่กำลังการผลิตในธุรกิจ PET และ PTA จะเพิ่มมากกว่า 2 เท่าของกำลังการผลิตในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทเห็นถึงความเป็นไปได้อย่างมาก และมีความมั่นใจในแผนการนี้ แต่แผนการดังกล่าวอาจมีการปรับเปลี่ยนบ้างเล็กน้อย ตามสภาวะตลาด

เราคาดว่าจะมีกำลังการผลิตประมาณ 9,305ตัน และมีกำลังการผลิตจากกิจการร่วมทุน 871 ตัน ในปี 2561กำลังการผลิตดังกล่าวเป็นกำลังการผลิตสำหรับแผนงาน ณ ปัจจุบันเท่านั้น ยังไม่รวมถึงโอกาสทางธุรกิจอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นก่อนปี 2561

บริษัทคาดว่าจะขยายธุรกิจไปยังพื้นที่ที่ลูกค้าของบริษัทมีการเติบโต ดังนั้นบริษัทคาดว่าจะขยายสัดส่วนการตลาดในประเทศที่กำลังเติบโตในทุกๆ สายผลิตภัณฑ์ และเมื่อที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศการเข้าซื้อกิจการในจีน นอกจากนี้บริษัทได้แสวงหาโอกาสในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งรวมถึงภูมิภาค BRICs แอฟริกา และตะวันออกกลาง บริษัทคาดว่าจะสามารถทำได้ด้วยการผสมผสานระหว่างการเข้าซื้อกิจการ การลงทุนขยายกิจการในโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว (Brownfield expansion) และ การลงทุนในโครงการใหม่ที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง (Greenfield) นอกจากนี้บริษัทจะมีการขยายธุรกิจในผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ โดยที่จะเพิ่มสินค้าใหม่ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค ลูกค้าสัมพันธ์ และยี่ห้อผ่านการเข้าซื้อกิจการที่ได้คัดเลือกมาแล้ว สำหรับตลาดที่เติบโตแล้ว เช่น ภูมิภาคยุโรปตะวันตก บริษัทคาดว่าจะใช้กลยุทธ์การเพิ่มปริมาณ โดยมุ่งเน้นไปที่การขยายกำลังการผลิตเพียงเล็กน้อยในการผลิต PET และขยายกิจการสู่ธุรกิจ PTA แบบเฉพาะเจาะจง โดยจะเน้นการลงทุนขยายกิจการในโครงการที่ก่อสร้างเสร็จแล้ว ทั้งนี้ การขยายธุรกิจดังกล่าวจะต้องมีความสมเหตุสมผลทางด้านธุรกิจ สำหรับในภูมิภาคอเมริกาเหนือซึ่งอาจพิจารณาได้ว่าเป็นตลาดที่เติบโตคงที่แล้ว แต่บริษัทได้ให้ความสำคัญแก่ภูมิภาคดังกล่าวเนื่องจากมีส่วนต่างของ PET ค่อนข้างคงที่แม้จะอยู่ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และมีผลตอบแทนจากเงินลงทุนทั้งหมดที่ใช้ (“Return on Capital Employed: ROCE ”) ที่แข็งแกร่ง โดยการดำเนินงานของบริษัทในภูมิภาคอเมริกาเหนือมี ROCE เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 15

จากข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2553 รายได้ของบริษัทร้อยละ 33 และร้อยละ 39 มาจากทวีปยุโรปและเอเซียตามลำดับ บริษัทมีความเห็นว่าวิกฤตการณ์ทางการเงินในยุโรปไม่น่าจะมีผลกระทบให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลง จากประสบการณ์ในอดีตที่ผ่านมา อัตรากำไรของบริษัทค่อนข้างคงที่แม้ในช่วงที่ภาวะตลาดซบเซา บริษัทเห็นว่ายังคงมีอุปสงค์จำนวนมากทั่วโลกซึ่งรวมถึงในเอเซียและยุโรป และสภาวะอุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีต่อบริษัท นอกจากนี้ ตามสัญญาการค้าที่โครงสร้างต้นทุนที่สามารถผลักภาระต้นทุนไปสู่ลูกค้าได้ซึ่งส่งผลดีต่อความมั่นคงของอัตรากำไรของบริษัท ทั้งนี้สัญญาที่บริษัททำกับลูกค้าส่วนใหญ่ในทวีปยุโรปเป็นลักษณะที่บริษัทสามารถผลักภาระต้นทุนให้ลูกค้าได้ โดยบริษัทจะกำหนดราคาเป็นรายเดือน โดยอ้างอิงจากดัชนีทางการตลาด ในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ใช้วัตถุดิบรายใหญ่และมีความสัมพันธที่ดีกับผู้ขายวัตถุดิบ บริษัทจึงสามารถซื้อวัตถุดิบได้ในราคาที่แข่งขันได้อย่างดี ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้บริษัท

รายได้มากกว่าร้อยละ 60 มาจากยุโรปและอเมริกาเหนือ

การเข้าซื้อและควบรวมกิจการ และการขยายกิจการที่มีอยู่เดิม

หากมีสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม และสามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม บริษัทก็จะสนใจเข้าซื้อสินทรัพย์นั้นๆ กลยุทธ์ของบริษัทไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าซื้อและควบรวมกิจการเพียงอย่างเดียว แต่จากที่ผ่านมา การเข้าซื้อกิจการที่มีการศึกษาและวางแผนเป็นอย่างดี นอกจากจะสามารถเร่งให้บริษัทบรรลุถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าส่วนเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่าการพัฒนาจากโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ หรือโครงการใหม่ที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง

บริษัทมีรายชื่อของเป้าหมายในการเข้าซื้อและควบรวมกิจการจำนวนหลายราย และบริษัทมีการเจรจาพูดคุยกับกิจการหลายๆ รายพร้อมๆ กัน แต่ถึงอย่างไร บริษัทยึดมั่นในวินัยในการเข้าซื้อและไม่คาดหวังว่าการเจรจาต่อรองจะต้องนำไปสู่การเข้าซื้อกิจการทุกครั้ง บริษัทไม่ได้หวังพึ่งการเข้าซื้อและควบรวมกิจการเพียงอย่างเดียวในการขยายกิจการของบริษัทและโดยทั่วไปแล้ว บริษัทจะไม่รวมแผนการเข้าซื้อและควบรวมกิจการในเป้าหมายของแผนการดำเนินงานระยะยาว หลักเกณฑ์ที่สำคัญที่บริษัทให้ความสำคัญในการเข้าซื้อกิจการก็คือ สินทรัพย์ที่เข้าซื้อนั้นจะต้องมีมูลค่ามากขึ้นภายใต้การบริหารของบริษัทเมื่อเทียบกับการดำเนินงานของเจ้าของเดิม ราคาที่บริษัทจ่ายไปนั้นจะต้องน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการที่บริษัทสร้างขึ้นเองด้วยคุณภาพที่เท่าเทียมกัน กล่าวคือสินทรัพย์จะต้องสามารถทำกำไรเพิ่มให้บริษัทได้ทันที (สำหรับสินทรัพย์ที่ด้อยประสิทธิภาพ) หรือจะต้องสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ภายใน 2 ไตรมาสหลังจากที่บริษัทเป็นเจ้าของ (สำหรับสินทรัพย์ที่ไร้ประสิทธิภาพ)

หากมีสินทรัพย์ที่น่าสนใจ ตั้งอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม และสามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม บริษัทก็จะสนใจเข้าซื้อสินทรัพย์นั้นๆ กลยุทธ์ของบริษัทไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าซื้อและควบรวมกิจการเพียงอย่างเดียว แต่จากที่ผ่านมา การเข้าซื้อกิจการที่มีการศึกษาและวางแผนเป็นอย่างดี นอกจากจะสามารถเร่งให้บริษัทบรรลุถึงเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าส่วนเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นได้มากกว่าการพัฒนาจากโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ หรือโครงการใหม่ที่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง

บริษัทมีรายชื่อของเป้าหมายในการเข้าซื้อและควบรวมกิจการจำนวนหลายราย และบริษัทมีการเจรจาพูดคุยกับกิจการหลายๆ รายพร้อมๆ กัน แต่ถึงอย่างไร บริษัทยึดมั่นในวินัยในการเข้าซื้อและไม่คาดหวังว่าการเจรจาต่อรองจะต้องนำไปสู่การเข้าซื้อกิจการทุกครั้ง บริษัทไม่ได้หวังพึ่งการเข้าซื้อและควบรวมกิจการเพียงอย่างเดียวในการขยายกิจการของบริษัทและโดยทั่วไปแล้ว บริษัทจะไม่รวมแผนการเข้าซื้อและควบรวมกิจการในเป้าหมายของแผนการดำเนินงานระยะยาว หลักเกณฑ์ที่สำคัญที่บริษัทให้ความสำคัญในการเข้าซื้อกิจการก็คือ สินทรัพย์ที่เข้าซื้อนั้นจะต้องมีมูลค่ามากขึ้นภายใต้การบริหารของบริษัทเมื่อเทียบกับการดำเนินงานของเจ้าของเดิม ราคาที่บริษัทจ่ายไปนั้นจะต้องน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการที่บริษัทสร้างขึ้นเองด้วยคุณภาพที่เท่าเทียมกัน กล่าวคือสินทรัพย์จะต้องสามารถทำกำไรเพิ่มให้บริษัทได้ทันที (สำหรับสินทรัพย์ที่ด้อยประสิทธิภาพ) หรือจะต้องสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ภายใน 2 ไตรมาสหลังจากที่บริษัทเป็นเจ้าของ (สำหรับสินทรัพย์ที่ไร้ประสิทธิภาพ)

อุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่มีการแข่งขันในลักษณะกระจายตัวมาก คู่แข่งสำคัญของบริษัทคือบริษัทเอกชนที่มีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว หรือ บริษัทเคมีภัณฑ์ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลายและไม่ได้มีโพลีเอสเตอร์เป็นธุรกิจหลัก ทั้งนี้จากการเข้าซื้อกิจการที่ผ่านมาของบริษัท ประกอบกับรายการสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีการซื้อขายในตลาด แสดงให้เห็นว่ายังคงมีผู้ที่ประสงค์จะขายกิจการในทั้งสองกลุ่ม ที่สำคัญกว่านั้น บริษัทเห็นว่าปัจจุบันในตลาดมีผู้ที่ประสงค์จะขายธุรกิจมากกว่าผู้ที่ประสงค์จะซื้อจึงทำให้เกิดเป็นตลาดผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทที่จะได้รับโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ในเงื่อนไขที่ได้รับผลประโยชน์ที่ดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด กลยุทธ์ของบริษัทไม่ได้รวมการเข้าซื้อกิจการที่มีนัยสำคัญเป็นเงื่อนไขของความสำเร็จ การเจริญเติบโตของบริษัทไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าซื้อสินทรัพย์ และบริษัทจะไม่เข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีเงื่อนไขไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับแผนการดำเนินงานปัจจุบันของบริษัท

อุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่มีการแข่งขันในลักษณะกระจายตัวมาก คู่แข่งสำคัญของบริษัทคือบริษัทเอกชนที่มีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียว หรือ บริษัทเคมีภัณฑ์ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลากหลายและไม่ได้มีโพลีเอสเตอร์เป็นธุรกิจหลัก ทั้งนี้จากการเข้าซื้อกิจการที่ผ่านมาของบริษัท ประกอบกับรายการสินทรัพย์อื่นๆ ที่มีการซื้อขายในตลาด แสดงให้เห็นว่ายังคงมีผู้ที่ประสงค์จะขายกิจการในทั้งสองกลุ่ม ที่สำคัญกว่านั้น บริษัทเห็นว่าปัจจุบันในตลาดมีผู้ที่ประสงค์จะขายธุรกิจมากกว่าผู้ที่ประสงค์จะซื้อจึงทำให้เกิดเป็นตลาดผู้ซื้อ ซึ่งเป็นผลดีต่อบริษัทที่จะได้รับโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ในเงื่อนไขที่ได้รับผลประโยชน์ที่ดี แต่เหนือสิ่งอื่นใด กลยุทธ์ของบริษัทไม่ได้รวมการเข้าซื้อกิจการที่มีนัยสำคัญเป็นเงื่อนไขของความสำเร็จ การเจริญเติบโตของบริษัทไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเข้าซื้อสินทรัพย์ และบริษัทจะไม่เข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีเงื่อนไขไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับแผนการดำเนินงานปัจจุบันของบริษัท

สำหรับโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างจะใช้เวลาในการพัฒนาประมาณสองปีครึ่งถึงสามปี ขึ้นอยู่กับขนาดและสถานที่ สำหรับโครงการขยายโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจะใช้เวลาพัฒนาประมาณสิบสองถึงสิบแปดเดือน บริษัทจะลงทุนในโครงการที่มีผลตอบแทนจากเงินทุนที่ใช้ทั้งหมด (Return on Capital Employed: ROCE) เฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ในช่วงระยะเวลา 3 ปี จากข้อมูลในอดีต การขยายธุรกิจของบริษัทประมาณครึ่งหนึ่งเป็นการเข้าซื้อกิจการ และอีกครึ่งหนึ่งเป็นการพัฒนาโครงการใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง จากข้อมูลในอดีตและโดยเฉลี่ยแล้วบริษัทจะเข้าซื้อกิจการ หรือพัฒนาขยายโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จด้วยต้นทุนประมาณ 450 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่งบประมาณของการพัฒนาโครงการที่ใหม่ที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างจะอยู่ที่ประมาณ 650 เหรียญสหรัฐต่อตัน บริษัทมีโครงการอยู่สองโครงการซึ่งอยู่ในขั้นตอนการศึกษาที่มีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง โครงการแรกอยู่ที่ประเทศอินเดียและอีกโครงการหนึ่งอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลาง บริษัทคาดว่าโครงการเหล่านี้จะมีข้อมูลชัดเจนมากขึ้นประมาณช่วงกลางปี 2554

ผลกระทบทางการเงินจากกลยุทธ์การเติบโต

โดยปกติแล้ว บริษัทจะรวมต้นทุนในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสินทรัพย์ที่ไร้ประสิทธิภาพ (non-performing assets) หรือ สินทรัพย์ที่ด้อยประสิทธิภาพ (under-performing assets) ในการวิเคราะห์ต้นทุนในการเข้าซื้อกิจการของบริษัทอยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้ว่าการเข้าซื้อกิจการในแต่ละครั้งจะมีสถานการณ์ต่างกัน แต่ในการประเมินมูลค่า บริษัทจะตั้งสมมติฐานให้ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนในการเข้าซื้อกิจการ บริษัทกำหนดไว้ว่าสินทรัพย์ที่ด้อยประสิทธิภาพ (ได้แก่ สินทรัพย์ที่สามารถทำกำไรได้ แต่จะสามารถทำกำไรได้มากขึ้นโดยการดำเนินงานของบริษัท) ที่บริษัทได้มานั้นจะต้องสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ทันที และสำหรับสินทรัพย์ที่ไร้ประสิทธิภาพ (ซึ่งหมายถึง สินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดการขาดทุน หรือยังมีการใช้อัตราการผลิตที่ต่ำอยู่มาก) ที่บริษัทได้มา จะต้องสามารถเพิ่มกำไรให้บริษัทได้ภายใน 2 ไตรมาสหลังจากที่บริษัทเป็นเจ้าของ

บริษัทไม่ได้รวมประโยชน์จากรวมตัวทางธุรกิจ เช่น การประหยัดต้นทุนจากการซ้ำซ้อนของส่วนงาน (duplication) ที่อาจจะเกิดขึ้นในแผนการเข้าซื้อกิจการของบริษัท อย่างไรก็ตาม ด้วยโครงสร้างของบริษัทซึ่งทำให้บริษัทสามารถเพิ่มสินทรัพย์ที่ตั้งอยู่เพียงลำพัง (standalone asset) โดยไม่ทำให้ต้นทุนในส่วนกลาง (centralized costs) เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนต่อต้นทุนในส่วนกลาง (return on central costs) ของบริษัทเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากการที่บริษัทเป็นบริษัทที่ไปซื้อกิจการอื่นๆ (acquiring companies) จึงเป็นเรื่องปกติที่บริษัทคาดหวังที่จะลดต้นทุนที่ซ้ำซ้อนกันโดยเร็วหลังจากที่ได้ควบคุมกิจการนั้นๆแล้ว ซึ่งต้นทุนในการดำเนินการต่างๆ ดังกล่าวที่เกิดขึ้นได้ถูกรวมในการประเมินมูลค่าในขณะที่มีการกำหนดค่าตอบแทนในการเข้าซื้อกิจการนั้นๆ

บริษัทยังคงเป็นองค์กรที่บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการจำกัดต้นทุนส่วนกลาง (limited centralized costs) บริษัทจะยังคงดำเนินงานโรงงานต่างๆ ของบริษัทด้วยการกระจายอำนาจการดำเนินงาน (decentralization) ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยบริษัทไม่ได้คาดว่าจะก่อให้เกิดต้นทุนส่วนกลาง (central costs) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากการดำเนินงานแผนงาน “Aspiration 2014”

แม้บริษัทเชื่อว่าอัตรากำไรไม่ใช่ตัววัดเหมาะสมกับบริษัท เนื่องจากโครงสร้างต้นทุนส่วนใหญ่ของธุรกิจของบริษัทเป็นโครงสร้างต้นทุนที่สามารถผลักภาระต้นทุนไปที่ลูกค้าได้ (Pass-through cost structure) แต่บริษัทคาดหวังว่าการผสมผสานของประเภทธุรกิจในอนาคตจะสามารถให้ผลกำไรเพิ่มขึ้น และได้ผลตอบแทนมากกว่า 110 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาและวิจัยที่มากขึ้น ตลอดจนมูลค่าเพิ่มที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของลูกค้าซึ่งเป็นผลมาจากลักษณะธุรกิจที่มีความเฉพาะตัวสูง บริษัทคาดว่าแรงขับเคลื่อนที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการเติบโตของผลกำไรของบริษัทจะยังคงมาจากการเพิ่มกำลังการผลิต ตลอดจนความสามารถในการบริหารจัดการให้โรงงานดำเนินการผลิตได้เต็มกำลังการผลิต และการบริหารจัดการต้นทุนในส่วนกลางสำหรับการบริหารโรงงานต่างๆ ของบริษัทที่มีอยู่ทั่วโลก

บริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยบริษัทมองว่าธนาคารพาณิชย์เป็นคู่ค้าที่สำคัญในการขยายธุรกิจของบริษัท นอกเหนือจากข้อมูลที่บริษัทต้องแจ้งทางเว็บไซท์เป็นประจำแล้วนั้น บริษัทยังได้แจ้งแผนการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนความคืบหน้าในการดำเนินธุรกิจต่างๆแก่ธนาคารพาณิชย์อย่างสม่ำเสมอ หากบริษัทต้องการที่จะหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม บริษัทจะดำเนินการหาแหล่งเงินทุนที่มีเงื่อนไขที่ดีที่สุดสำหรับบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีนโยบายที่จะกู้ยืมเงินจากธนาคารพาณิชย์ และจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระยะยาวกับธนาคารพาณิชย์ต่อไป

บริษัทได้รับวงเงินกู้ยืมเป็นจำนวนมากจากสถาบันการเงิน ทั้งนี้สถาบันการเงินได้ให้วงเงินกู้ยืมแก่บริษัทไว้ประมาณ 900 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อการเข้าซื้อกิจการของบริษัทที่ได้ประกาศแล้ว นอกจากนี้บริษัทยังมีวงเงินพร้อมใช้จากวงเงินเงินทุนหมุนเวียนอีกเป็นจำนวน 600 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทมีเงินกู้ยืมระยะยาว โดยมีการชำระเงินกระจายไปในอีก 5 – 6 ปีข้างหน้า เพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการและการเข้าซื้อกิจการ ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทจะได้มาจากวงเงินกู้ยืมสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นและเงินกู้หมุนเวียน (revolving loan) และเงินกู้อื่นๆ ดอกเบี้ยจ่ายส่วนมากเป็นแบบลอยตัว อ้างอิงกับสกุลเงินของเงินกู้ที่เป็นเงินบาท เหรียญสหรัฐ และเงินยูโร นอกจากนี้ในวงเงินกู้ต่างๆได้กำหนดข้อกำหนดทางการเงินมาตรฐานโดยมีระบบในการติดตามการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินนั้นๆด้วย

บริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิหลังจากหักเงินสำรองทุนในจำนวนที่เหมาะสม การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงการจ่ายเงินปันผลถือเป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการบริษัท

บริษัทย่อยที่มีการประกอบการทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศจะส่งเงินกำไรกลับมายังบริษัทแม่ที่ประเทศไทยผ่านการจ่ายเงินปันผล ทั้งนี้ ในปี 2552 บริษัทได้รับเงินปันผลจากบริษัทย่อย จำนวน 1,232 ล้านบาท และตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 บริษัทได้รับเงินปันผลจากบริษัทย่อยจำนวน 1,055 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทย่อยได้ประกาศที่จะจ่ายเงินปันผลเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทจะได้รับเงินปันผลดังกล่าวในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

บริษัทฯไม่มีแผนที่จะทำธุรกรรมใดๆ ในตลาดทุน (equity markets) อย่างไรก็ตาม บริษัทตระหนักว่าอาจมีโอกาสต่างๆ เกิดขึ้นโดยที่บริษัทยังไม่ทราบในปัจจุบัน และถ้าบริษัทตัดสินใจที่จะหาผลประโยชน์จากโอกาสต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นดังกล่าว บริษัทจะต้องมั่นใจว่าบริษัทจะไม่ก่อหนี้เกินกว่าความสามารถของบริษัทเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจจะทำให้บริษัทจำเป็นที่จะต้องออกระดมทุนเพิ่มเติมในตลาดทุน (equity markets) เพื่อนำเงินมาใช้ในการลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมด ปัจจุบัน บริษัทมีความพอใจในการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และราคาหุ้นของบริษัท

ผลการดำเนินงานในปี 2553

ราคาฝ้ายที่สูงทำให้มีการเปลี่ยนมาใช้โพลีเอสเตอร์มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากโพลีเอสเตอร์เป็นวัตถุดิบทดแทนที่ถูกที่สุดในการผลิตเครื่องนุ่งห่ม หากมองแนวโน้มในระยะยาวแล้วคาดว่าจะมีการใช้โพลีเอสเตอร์เพื่อทดแทนฝ้ายเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งหากมองถึงภาพรวมจะเห็นได้ว่าโพลีเอสเตอร์ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่าเสมอจะมีแนวโน้มที่จะถูกนำมาใช้ทดแทนฝ้ายอย่างแพร่หลาย ทั้งนี้ถึงแม้ว่าราคาฝ้ายจะปรับตัวลดลง แต่การหันมาใช้สินค้าทดแทนก็ยังคงมีอยู่ หากแต่ความเร็วในการเปลี่ยนมาใช้สินค้าแทนอาจจะลดลง จากเหตุผลดังกล่าว อุตสาหกรรมโพลีเอสเตอร์จึงมีมุมมองที่ดีต่อไป บริษัทจึงอยู่ในสถานะที่ดีและพร้อมที่จะเตรียมรับกับความต้องการและกำไรที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าอุปสงค์ในการใช้โพลีเอสเตอร์และเส้นใย (fibre) จะมีอย่างต่อเนื่องโดยมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการของผู้บริโภคจากประเทศจีนที่มีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ทำให้เกิดความต้องการที่สูงขึ้นของสินค้าเครื่องนุ่งห่ม

วัตถุประสงค์ในการใช้เงิน / ผลกระทบต่อฐานะทางการเงิน

บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจาก TSR ไปใช้เป็นงบลงทุนสำหรับแผนการลงทุนในอนาคตภายใต้แผน Aspiration 2014 บริษัทคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net debt to equity ratio) ที่ประมาณ 1.0 เท่า ทันทีหลังจากสิ้นสุดการเสนอขาย TSR บริษัทคาดว่าจะสามารถรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไว้ที่ประมาณ 1.0 เท่า แม้ว่าอัตราส่วนดังกล่าวอาจมีความผันผวนในช่วงระหว่างไตรมาส ซึ่งระดับอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนดังกล่าวเป็นอัตราที่เหมาะสมกับความสามารถในการกู้ยืมของบริษัทในปัจจุบัน

ตามแผนงาน ”Aspiration 2014” เงินลงทุนที่ต้องการทั้งหมดสำหรับการเติบโตของบริษัท เท่ากับ 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดย 900 ล้านเหรียญสหรัฐได้กำหนดให้ใช้สำหรับรายการที่ได้ลงนามไปแล้ว ในครึ่งปีหลังของปี 2553 ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาสแรก ปี 2554 และเงินลงทุนที่เหลือจำนวน 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ จะใช้ในการลงทุนในระหว่างปี 2554 – 2257 โดยจะมีแหล่งเงินทุนจากการเพิ่มทุนตามสัดส่วนในครั้งนี้ กระแสเงินสดภายในบริษัท และการกู้ยืม

ภาพรวมอุตสาหกรรม

วัตถุดิบหลักที่ใช้คือ PX MEG และ PTA ซึ่ง PX จะได้จากการกลั่นน้ำมันดิบและ PX เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต PTA หลังจากนั้น PTA จะถูกใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต PET และผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์อื่นๆ บริษัทในฐานะที่บริษัทเป็นผู้ซื้อ PX และ MEG รายใหญ่ที่สำคัญ บริษัทจึงได้ประโยชน์จากราคาซื้อวัตถุดิบที่ต่ำ เนื่องจากมีอำนาจต่อรองที่มาจากการซื้อเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ มีความขาดแคลน PTA เนื่องจากกำลังการผลิตไม่เพียงพอ การใช้งานของ PTA มีเพียงแค่การเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกโพลีเอสเตอร์ ทวีปเอเซียเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภค PTA ที่ใหญ่ที่สุด ความต้องการของ PTA ถูกขับเคลื่อนโดยการเติบโตของอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เช่น PET เส้นใยโพลีเอสเตอร์ เป็นต้น ประกอบกับการที่ยังไม่มีวัตถุดิบทดแทนในกระบวนการผลิตพลาสติกได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนของ PTA และจากราคาที่สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทผลิต PTA ด้วยตัวเองและยังมีการรวมกระบวนการผลิตของ PTA และ PET เข้าไว้ด้วยกัน

ในอุตสาหกรรมต่อเนื่องของโพลีเอสเตอร์ จะใช้ระบบผลักภาระต้นทุน (cost pass-through basis) ดังนั้นเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์สูงขึ้นตาม แต่ทว่าอัตรากำไรและส่วนต่างกำไรจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากผลิตภัณฑ์โพลีเอสเตอร์ เป็นสินค้าที่มีราคาถูกที่สุดในแต่ละประเภทของผลิตภัณฑ์ที่ใช้แทนกันได้ในการผลิต ดังนั้นจึงไม่ได้รับผลกระทบต่อความต้องการ บริษัทได้ทำการจำลองสถานการณ์เกี่ยวกับราคาน้ำมันในระดับต่างๆและไม่พบว่ามีผลกระทบอาจแท้จริงต่อธุรกิจ

ความสามารถดำเนินการผลิตด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงจะสามารถกระจายต้นทุนคงที่ออกไปให้กับจำนวนสินค้าที่ผลิตในปริมาณที่มากได้ ซึ่งทำให้สินค้ามีต้นทุนต่อหน่วยที่ต่ำและอัตรากำไรที่สูง การเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตเพียงเล็กน้อยจะทำให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมาก

บริษัทมีความโดดเด่นในการดำเนินการผลิตด้วยกำลังการผลิตที่สูง ซึ่งเป็นผลมาจากการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและความสามารถในหาลูกค้าที่อยู่ในประเทศที่มีโรงงานผลิตเพื่อที่จะสามารถจัดส่งสินค้าไปยังลูกค้าในประเทศนั้นๆได้ บริษัทยังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าทั่วโลกซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าที่มีอยู่เพื่อเพิ่มความต้องการสั่งซื้อสินค้า และเมื่อบริษัทมีความต้องการสินค้าจากลูกค้า จึงทำให้บริษัทสามารถดำเนินการผลิตด้วยอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับที่สูงได้ การรวมตัวระหว่างการผลิต PET และ PTA ทำให้บริษัทสามารถดำเนินการผลิต PTA ในระดับที่เกือบเต็มกำลังการผลิต เนื่องจากการนำ PTA ที่ผลิตขึ้นได้มาใช้ในการผลิต PET ของบริษัท โดยประมาณร้อยละ 50 ของ PTA ที่ผลิตได้จะถูกใช้ภายในบริษัท การที่บริษัทสามารถจัดหา PTA ได้อย่างแน่นอนช่วยให้บริษัทสามารถรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตในระดับที่สูงได้เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ผลิต PET รายอื่น แม้ว่าจะอยู่ในช่วงที่ภาวะปริมาณ PTA ตึงตัว การที่บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่ง PTA ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบต่อราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนที่ถูกและอัตรากำไรที่สูง

เหตุผลที่ทำให้บริษัทอื่นคิดที่จะถอนตัวออกจากอุตสาหกรรมนี้ น่าจะเป็นผลมาจากกลยุทธ์ภายในของบริษัทนั้นๆ มิใช่มาจากผลกระทบจากอุตสาหกรรม บริษัทเห็นว่าอุตสาหกรรมพลาสติกโพลีเอสเตอร์มีแนวโน้มที่ดีและเชื่อว่าเป็นอุตสาหกรรมที่น่าสนใจและน่าเข้าไปลงทุนเพิ่ม เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์หลายรายซึ่งมีมุมมองที่ดีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในฐานะที่จะได้รับผลประโยชน์จากโอกาสต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากบริษัทอยู่ในฐานะที่เป็นผู้ผลิต PET รายใหญ่ที่สุดและเป็นหนึ่งในผู้ผลิต PTA และ โพลีเอสเตอร์รายใหญ่ที่สุด ข้อได้เปรียบในการแข่งขันและโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ทำให้บริษัทสามารถประกอบธุรกิจได้เหนือกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรม

บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำที่สุดในอุตสาหกรรมซึ่งเป็นผลมาจากการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) จากการดำเนินกิจการในโรงงานขนาดใหญ่ ที่มีประสิทธิภาพ บริษัทยังมีความเชี่ยวชาญด้านการเข้าซื้อสินทรัพย์ในราคาที่น่าสนใจซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายของเงินลงทุน รูปแบบธุรกิจที่มีการรวมโครงสร้างธุรกิจเข้าด้วยกันและการมีโรงงานตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับแหล่งวัตถุดิบหรือผู้จัดหาวัตถุดิบช่วยเพิ่มอัตรากำไรให้สูงขึ้น ความสามารถในการผลิตในอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงซึ่งช่วยให้มีต้นทุนต่อหน่วยต่ำลง บริษัทเป็นหนึ่งในผู้ซื้อ PTA ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดสหรัฐอเมริกาและเป็นหนึ่งในผู้ซื้อ PX และ MEG ที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริษัทใช้ข้อได้เปรียบนี้เพื่อให้ซื้อวัตถุดิบได้ในราคาที่ดี

PET ถูกขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย เช่น ขวดพลาสติก PET และบรรจุภัณฑ์อื่นๆ และความต้องการของผู้บริโภค อุปสงค์ของบรรจุภัณฑ์ที่ทำจาก PET ได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสามารถใช้งานได้ดีกว่าบรรจุภัณฑ์อื่น เช่น แก้ว หรือกล่องกระดาษเตตร้าแพ็ค และยังคงมีเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังคงใช้เป็นสินค้าทดแทน และมีความต้องการที่สูงขึ้น นอกจากที่บรรจุภัณฑ์ที่ทำจาก PET ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและช่วยยืดอายุของสินค้าที่บรรจุอยู่ภายในบรรจุภัณฑ์ให้นานขึ้นแล้ว ยังจะให้ความสะดวกสบาย เบา และทนทานอีกด้วย ความต้องการของ PET ยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นและคาดว่าตลาดจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปในปี 2554 บริษัทมีกำลังการผลิตและความสามารถในการผลิต PET อย่างมีนัยสำคัญอยู่ทั่วโลกและจะได้รับประโยชน์จากความต้องการและการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้

PTA ถูกขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย (เช่น PET ผลิตภัณฑ์เส้นใย เป็นต้น) และการขาดแคลนของผลิตภัณฑ์ทดแทนในการผลิตพลาสติกโพลีเมอร์ การปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงของราคาฝ้ายจนราคาฝ้ายอยู่ในระดับสูงที่สุดในอดีตที่ผ่านมาทำให้เกิดความต้องการของเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์มากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะการขาดแคลนของ PTA อีกทั้งกำลังการผลิต PTA ที่มีอยู่อย่างจำกัดในประเทศจีนและทั่วโลกเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ปริมาณ PTA มีอยู่อย่างจำกัด และราคา PTA ที่เพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตใหม่เข้ามา อุปทานของ PTA ยังคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำและความต้องการยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น บริษัทผลิต PTA เพื่อการใช้งานภายในประมาณร้อยละ 50 ของทั้งหมด บริษัทจึงมีแหล่ง PTA ที่แน่นอนสำหรับใช้ในการผลิต PET และโพลีเอสเตอร์โดย PTA ที่เหลือจากการใช้ภายในจะถูกขายให้กับลูกค้า

โพลีเอสเตอร์ยังคงมีแนวโน้มที่ดีและอัตรากำไรยังมีท่าทีว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในอุตสาหกรรมต่อเนื่องของโพลีเอสเตอร์บริษัทมีจุดยืนที่แข็งแกร่งที่จะสามารถได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของความต้องการและอัตรากำไรที่สูงขึ้น การเพิ่มขึ้นของความต้องการของโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยโพลีเอสเตอร์ จะมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่มีอย่างต่อเนื่อง

สิ่งแวดล้อม

วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตขวดพลาสติกได้แก่ PTA และ MEG ซึ่งผลิตโดยปราศจากผลกระทบในทางลบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม การผลิตเส้นใยก็มีกระบวนการผลิตที่สะอาดและไม่มีอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และมีการปล่อยสารคาร์บอนในระดับต่ำ

PET เป็นวัตถุดิบที่สามารถนำกลับมาผลิตใหม่ (Recycle) ฟื้นฟูให้กลับมาใช้งานได้ (Recover) และสามารถนำมาใช้ใหม่ (Reuse) ด้วยการนำเข้ากระบวนการล้างแบบธรรมดาเพื่อให้ได้ผลึกพลาสติกโพลีเมอร์ที่ล้างแล้ว (Mechanical Recycling) หรือการใช้กระบวนการทางเคมีเพื่อแตกตัว PET ให้เป็น oligomers หรือขั้นต้นของ monomers terephthalic acid และ ethylene glycol (Chemical Recycling) ผลิตภัณฑ์ขั้นกลางเหล่านี้จะถูกทำให้บริสุทธิ์และผ่านกระบวนการ Repolymerise ให้เป็นเม็ดพลาสติก PET ใหม่ หากการรีไซเคิลพบว่าไม่คุ้มค่า PET จะสามารถนำไปเผาให้เกิดเป็นพลังงานได้

ในการฝังกลบ PET มีความเสถียรและมีความเฉื่อย และไม่มีการซึมละลายหรือมีความเสี่ยงต่อน้ำบาดาล ขวดจะถูกบดเพื่อให้มีขนาดเล็กและใช้พื้นที่น้อย และโดยทั่วไปจะเพิ่มความเสถียรให้กับพื้นที่ที่ใช้ฝังกลบ

โรงงานที่ใช้ในการดำเนินงานของบริษัทย่อยได้รับการรับรองตามมาตราฐาน ISO 9001 ISO 14001 และ OHSAS 18001 นอกจากนี้ AlphaPet ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ยังได้เริ่มโครงการการนำ PET กลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง (PET Recycling Project)

กำหนดจ่ายเงินปันผล

บริษัทฯ จะทำการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ หลังหักภาษีและทุนสำรองต่างๆ ตามกฎหมาย เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้เกือบทั้งหมดมาจากเงินปันผลของบริษัทย่อย ดั้งนั้น บริษัทฯ จะต้องทำการหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินปันผลที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น ทั้งนี้ ตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด ยกเว้นในกรณีดังต่อไปนี้

  • ผู้ถือหุ้นที่เป็นบริษัทจดทะเบียน
  • บริษัทที่ถือหุ้นเกินกว่า 25% โดยมีระยะเวลาการถือหุ้นเกินกว่า 6 เดือน

หมายเหตุ: ผู้ถือหุ้นไม่สามารถอ้างสิทธิ์ในการขอคืนภาษีจากการหัก ณ ที่จ่าย จากกรมสรรพากรได้ เนื่องจากเงินปันผลดังกล่าวเป็นการจ่ายออกจากรายได้ที่ไม่ต้องเสียภาษีของบริษัทฯ