กรุงเทพฯ - 23 กันยายน 2554 - อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตในห่วงโซ่โพลีเอสเตอร์แบบครบวงจรชั้นนำระดับโลก แจ้งว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาไม่ได้มีผลกระทบต่อ การดำเนินธุรกิจของบริษัท ในทางตรงกันข้ามวิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นเสมือนโอกาสในการขยายธุรกิจ

"วิกฤติที่เกิดขึ้นในภูมิภาคไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายหรือกำไรของบริษัทแต่ อย่างใด" นายระเฑียร ศรีมงคล รองประธานกรรมการบริษัท แจ้งต่อผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น "กำไรจากการดำเนินงานไม่ได้ลดลง ในขณะที่ยอดขายในไตรมาสที่สามก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า" นายระเฑียร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2555 จะเป็นปีที่ดีของอินโดรามา เวนเจอร์ส เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา รายได้ของบริษัทในปัจจุบันร้อยละ 30 มาจากยุโรป ในขณะที่ร้อยละ 35 มาจากสหรัฐอเมริกา และส่วนที่เหลือมาจากภูมิภาคอื่น ๆ และตลาดทั้งหมดนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

นายระเฑียรตอบข้อซักถามจากนักลงทุนที่เข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกหุ้นกู้ของบริษัทจำนวน 25 พันล้านบาทในซึ่งที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งนี้ได้มีมติอนุมัติการออก หุ้นกู้ โดยบริษัทจะพิจารณาความต้องการและเงื่อนไขของตลาดเป็นองค์ประกอบ และเมื่อเร็วๆนี้บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้งที่ระดับ A + ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทได้ถูกจัดอันดับความน่าเชื่อถืออีกด้วย ทั้งนี้บริษัทหวังที่จะให้หุ้นกู้ครั้งนี้มาลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยซึ่ง ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.6 หรือประมาณ 1.8 พันล้านบาทต่อปี

อินโดรามา เวนเจอร์ส ซึ่งเข้าซื้อกิจการหลายแห่งอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา มั่นใจว่าวิกฤตการณ์ปัจจุบันจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของรายได้ เนื่องด้วยธุรกิจของบริษัทมีความเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นปัจจัยพื้น ฐาน เช่น ขวด PET ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบในภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยวิกฤตเศรษฐกิจช่วงปี 2551 ที่ผ่านมาถือเป็นบทพิสูจน์ที่ค่อนข้างชัดเจน

นายดิลิป กุมาร์ อการ์วาล กรรมการบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ PET เสริมว่าวิกฤตการณ์ปี 2551 ได้กลายเป็นโอกาสของบริษัทที่เข้าซื้อกิจการและประสบความสำเร็จในการผนวก เข้ากับกลุ่มธุรกิจที่มีอยู่ของบริษัท

"วิกฤตถือเป็นโอกาสเสมอ ซึ่งดีลที่เราได้มาเมื่อวานถือว่าคุ้มค่ามาก รวมถึงการซื้อกิจการจากอีสต์แมนในปี 2551 ก็ได้มาในอัตราที่ถูกมาก และถ้าธุรกิจใดมีนโยบายที่เหมาะกับกลยุทธ์ของบริษัทและมีผลตอบแทนตามความ ต้องการก็คุ้มค่าที่จะลงทุน" ทั้งนี้ บริษัทยังไม่มีโครงการใดอยู่ในแผนตอนนี้ นายอการ์วาลกล่าวเสริม

ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการเติบโตในผลการดำเนินงานของอินโดรามา เวนเจอร์สอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการต้นทุนต่ำและให้ผลตอบแทนที่ค่อน ข้างสูง

นอกจากนี้ นายระเฑียรให้ความเห็นในประเด็นการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหลังหักสำรองตามกฎหมาย และชี้แจงว่าการจ่ายปันผลในปีนี้จะไม่น้อยไปกว่าที่จ่ายในรอบปีที่ผ่านมา