ที่ IVL005/05/2010

12 พฤษภาคม 2553

เรื่อง ขอนำส่งงบการเงินสอบทานสำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 ของบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด
(มหาชน) และคำอธิบายและบทวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ

เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทางฝ่ายจัดการของบริษัท ขอนำส่งเอกสารดังต่อไปนี้
1. สำเนางบการเงินสอบทานรวมและงบการเงินสอบทานเฉพาะบริษัท สำหรับไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 (ภาษาไทยและ
ภาษาอังกฤษ)
2. คำอธิบายและบทวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2553 (ภาษาไทยและ
ภาษาอังกฤษ)
3. รายงานสรุปผลการดำเนินงาน แบบฟอร์ม 45-3 (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ)

สำหรับแบบ F 45-3 ได้แสดงกำไรต่อหุ้น (ตามงบการเงินรวม) สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2552 เท่ากับ 3.31 บาท
ต่อหุ้น ซึ่งคำนวณจากมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท กำไรต่อหุ้นของไตรมาสที่ 1 ปี 2552 จะเท่ากับ 0.33 บาทต่อหุ้น
หากคำนวณจากมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ทั้งนี้ มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ได้เปลี่ยนจากหุ้นละ 10 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาทใน
ปี 2552



จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ




(นายอาลก โลเฮีย)
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ



เลขานุการบริษัท
โทรศัพท์: +66 (0) 2661-6661
โทรสาร: +66 (0) 2661-6664



-1-

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)
คำอธิบายและบทวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ
ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2553


จุดเด่นของ IVL ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553


- ยอดขายสุทธิเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ จากการเพิ่มขึ้นของทั้งปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ย
- ราคาขายเฉลี่ยของทุกกลุ่มธุรกิจเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4
ปี 2552 และไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ตามราคาน้ำมันดิบและปิโตรเคมีภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น
ตารางต่อไปนี้แสดงราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นทั้งในราคาขายในรูปเงินบาทและราคาขายที่ปรับปรุงด้วย
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน

ไตรมาส 1/2553 เทียบกับ ไตรมาส 1/2553
ไตรมาส 4/2552 เทียบกับ ไตรมาส 1/2552
การ การ
เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลง
ของราคาขาย ของราคาขาย
การ การ
ปรับปรุงด้วย ปรับปรุงด้วย
เปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลง
ของราคาขาย อัตรา ของราคาขาย อัตรา
แลกเปลี่ยน แลกเปลี่ยน
กลุ่มธุรกิจ ในรูปเงินบาท เป็นเงินบาท
PET 9% 14% 13% 16%
Polyester & Wool 4% 6% 41% 45%
PTA 3% 6% 25% 27%
* ปรับปรุงด้วยการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างไตรมาส



- ยอดขายรวมและกำไรรวมเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 1 ปี 2553
ยอดขายรวมและกำไรรวมเปรียบเทียบเป็นเงินดอลล่าร์สหรัฐ มีดังต่อไปนี้
- ยอดขายสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เท่ากับ 733 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 17%
จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 47% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552
- กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี
2553 เท่ากับ 92 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 15%
จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552




-2-

- กำไรก่อนภาษีเงินได้สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เท่ากับ 57 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น
12% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 29% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552
- กำไรสุทธิหลังภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เท่ากับ 48* ล้าน
เหรียญสหรัฐ คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 53% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552
ยอดขายรวมและกำไรรวมเป็นเงินบาท มีดังต่อไปนี้
- ยอดขายรวมและกำไรรวมเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น แม้ว่าการแข็งค่าของเงินบาท (ในทางบัญชีเท่านั้น
เนื่องจากธุรกิจมีการป้องกันความเสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุนไปในภูมิภาคที่มีรายรับในสกุลเงินอื่น
หรือ Natural hedge) จะทำให้กำไรจากบริษัทย่อยในต่างประเทศลดลง เมื่อแปลงค่าเป็นเงินบาทที่
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยของไตรมาสนี้ ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอล
ล่าร์สหรัฐ คิดเป็น 1.3% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 6.9% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552 เงินบาทแข็งค่า
ขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร คิดเป็น 7.5% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 1.1% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552
- ยอดขายสุทธิสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เท่ากับ 24,100 ล้านบาทคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 15% จาก
ไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 37% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552
- กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี
2553 เท่ากับ 3,010 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 7% จาก
ไตรมาสที่ 1 ปี 2552
- กำไรก่อนภาษีเงินได้สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เท่ากับ 1,890 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 11%
จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 20% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552
- กำไรสุทธิหลังภาษีเงินได้และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เท่ากับ 1,583*
ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 43% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552
* รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของบริษัท อินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) "IRP" จำนวน 53 ล้าน
บาท ภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต่อผู้ถือหุ้นฯ สัดส่วนการถือหุ้นของ IVL ใน IRP เพิ่มขึ้นจาก
69.29% เป็น 99.08% ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553
- แม้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 ราคาน้ำมันดิบและปิโตรเคมีภัณฑ์จะเพิ่มสูงขึ้น บริษัทยังสามารถคง
อัตรากำไรสุทธิที่ 6.6% ซึ่งเท่ากับอัตรากำไรสุทธิของไตรมาสที่ 4 ของปี 2552 และสูงกว่าอัตรากำไร
สุทธิของไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ที่ 6.3%
- กำไรต่อหุ้นถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักต่อปีเท่ากับ 1.51 บาท และอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเท่ากับ 30.8%
ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553
- ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 กระแสเงินสดอิสระก่อนรายจ่ายฝ่ายทุนเพิ่มขึ้น 2,054 ล้านบาท แม้จะมี
กระแสเงินสดจ่ายสำหรับเงินทุนหมุนเวียนจากการเพิ่มขึ้นของทั้งปริมาณและราคาขาย กระแสเงิน
สดอิสระหลังรายจ่ายฝ่ายทุนเพิ่มขึ้น 1,646 ล้านบาท
- หนี้สินสุทธิลดลง 6,632 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ส่งผลให้อัตราหนี้สินสุทธิต่อเงินทุนของบริษัท (net
gearing ratio) เป็น 53% ซึ่งต่ำกว่า 63% ณ สิ้นปี 2552



-3-

- การประกาศโครงการใหม่
- เป็นกลยุทธ์ในการลงทุนในยุโรปตอนใต้ โดยเป็นการขยายตลาดในสหภาพยุโรป IVL ได้มีการเข้าร่วม
ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 50 ในกิจการร่วมค้ากับ PCH Holding S.R.L. เพื่อเข้าซื้อกิจการในธุรกิจการ
ผลิต PTA และ PET ที่ประเทศอิตาลี จาก Equipolymers กิจการดังกล่าวประกอบด้วยกำลังการผลิต
PTA ที่ 192,000 ตัน และกำลังการผลิต PET ที่เท่ากัน รายการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวคาดว่าจะ
ดำเนินการเสร็จสิ้นภายในเดือนพฤษภาคม 2553 นี้ และคาดว่าจะเพิ่มกำไรและมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น
ของบริษัท รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราหนี้สินสุทธิต่อเงินทุนของบริษัท
- การเข้าซื้อกิจการสาธารณูปโภค ที่มีกำลังการผลิต 24 เมกกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงกับโรงงานของ
บริษัทในเมืองรอตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ปัจจุบัน โรงงานดังกล่าว ผลิตไอน้ำ กระแสไฟฟ้า
ความดันอากาศ ระบบความเย็น ระบบกรองน้ำ เพื่อใช้ในธุรกิจการผลิต PTA และ PET ของบริษัทที่
รอตเตอร์ดัม อันได้แก่ Indorama Holdings Rotterdam B.V. (IRHR) และ Indorama Holdings
Polymers B.V. (IRPR) รายการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นในเดือน
พฤษภาคม 2553 นี้ และคาดว่าจะเพิ่มกำไร อัตรากำไร และมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นของบริษัท รวมทั้ง
ไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราหนี้สินสุทธิต่อเงินทุนของบริษัท
- ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งที่ 4/2010 ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2553 ได้มีมติอนุมัติการขยาย
โรงงาน Indorama Polymers Rotterdam BV โดยเพิ่มสายการผลิตเม็ดพลาสติก PET ที่ 190,000 ตัน
ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตทั้งหมดของโรงงานเป็น 390,000 ตัน การขยายโรงงานดังกล่าวคาดว่าจะแล้ว
เสร็จและเริ่มดำเนินการผลิตได้ภายในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 การขยายโรงงานครั้งนี้ทำให้เกิดการ
ว่าจ้างงานแบบเต็มเวลาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในยุโรป และ
เพิ่มการบริโภคภายในกลุ่มอันได้แก่ การบริโภค PTA จนเต็มจำนวนการผลิต 350,000 ตัน และการใช้
บริการสาธารณูปโภคจากบริษัทในกลุ่มที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการ
ประหยัดต่อขนาดด้วย การขยายโรงงานนี้คาดว่าจะเพิ่มกำไรแก่บริษัท และไม่ส่งผลกระทบต่ออัตรา
หนี้สินสุทธิต่อเงินทุนของบริษัท




-4-

ผลประกอบการรวมของ IVL

การประกอบธุรกิจ

สรุปข้อมูลสำคัญในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 แยกตามกลุ่มธุรกิจของ IVL มีดังต่อไปนี้

ธุรกิจ PET มียอดขายเท่ากับ 14,258 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 19% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 42% จาก
ไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วเป็นผลมาจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้นรวมทั้งปริมาณขายที่
เพิ่มขึ้น ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้มาจากการเริ่มดำเนินการผลิตของโรงงาน AlphaPet และจากการเปลี่ยน
สายการผลิตโพลีเอสเตอร์สายหนึ่งในโรงงานอินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรี้ส์ ที่จังหวัดระยอง เป็นสายการผลิตเม็ด
พลาสติก PET ซึ่งเพิ่มปริมาณการผลิตเม็ดพลาสติก PET เป็นอย่างมากในไตรมาสนี้ ธุรกิจ PET มียอดขายคิดเป็น 59.2%
ของยอดขายรวมของบริษัท และ EBITDA คิดเป็น 55.7% ของ EBITDA รวมของบริษัท

ธุรกิจเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยจากขนสัตว์ มียอดขายเท่ากับ 3,454 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา
เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 83% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่แล้วเป็นผลมา
จากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้นรวมทั้งปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจเส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ได้รายงานผลกำไรใน
ไตรมาสนี้จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และต้นทุนแปลงสภาพที่ลดลง ธุรกิจเส้นใยและ
เส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยจากขนสัตว์ มียอดขายคิดเป็น 14.3% ของยอดขายรวมของบริษัท และ EBITDA คิดเป็น
14.1% ของ EBITDA รวมของบริษัท

ธุรกิจ PTA มียอดขาย(สุทธิจากการขายภายในกลุ่มบริษัท)เท่ากับ 6,388 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 12% จาก
ไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 13% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ยอดขายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น และราคา
ขายเฉลี่ยที่เพิ่มสูงขึ้น จากยอดขายรวมทั้งหมดของธุรกิจ 48% เป็นการขายภายในกลุ่มบริษัทให้กับธุรกิจ PET และธุรกิจ
เส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ ธุรกิจ PTA มียอดขายคิดเป็น 26.5% ของยอดขายรวมของบริษัท และ EBITDA คิดเป็น
30.2% ของ EBITDA รวมของบริษัท

ผลการดำเนินงานรวม

ยอดขายรวมของ IVL ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 เท่ากับ 24,100 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสที่ 4 ปี
2552 และ 37% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ซึ่งส่งผลมาจากทั้งปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นของทั้งเม็ดพลาสติก
PET เส้นใยและเส้นด้ายโพลีเอสเตอร์ เส้นใยจากขนสัตว์ และ PTA อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของค่าเงินบาทได้ส่งผลให้
ยอดขายและกำไรจากบริษัทย่อยในต่างประเทศลดลงเมื่อแปลงค่าเป็นเงินบาท

กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายรวม (EBITDA) เพิ่มสูงขึ้นเป็น 3,010 ล้านบาทใน
ไตรมาสนี้ คิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 7% จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ในขณะเดียวกัน อัตรา




-5-

กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA margin) ลดลงจาก 12.9% ในไตรมาสที่ 4
ปี 2552 เป็น 12.5% ในไตรมาสที่ 1 ปี 2553 จากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ

กำไรก่อนภาษีเงินได้ของบริษัทเท่ากับ 1,890 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 20% จากไตรมาสที่ 1
ปี 2552 สืบเนื่องจากยอดขายที่สูง อัตรากำไรรวมที่สูงขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงในไตรมาสนี้

กำไรสุทธิหลังหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเท่ากับ 1,583* ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสที่ 4 ปี 2552 และ 43%
จากไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในไตรมาสนี้เท่ากับ 223 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นส่วนของผู้ถือ
หุ้นส่วนน้อยของบริษัท ทีพีที ปิโตรเคมีคอลส์ จำกัด (มหาชน) และของบริษัท อินโดรา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) "IRP"
นับถึงวันก่อนการเข้าถือหุ้นเพิ่ม ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน IRP จาก 69.29% เป็น
99.08% ภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต่อผู้ถือหุ้นฯเพื่อแลกหุ้นสิ้นสุดลง ดังนั้น กำไรของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยใน IRP
จึงถูกบันทึกนับถึงวันดังกล่าว

* รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ IRP จำนวน 53 ล้านบาท ภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต่อผู้ถือหุ้นฯ สัดส่วน
การถือหุ้นของ IVL ใน IRP เพิ่มขึ้นจาก 69.29% เป็น 99.08% ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553

รายจ่ายฝ่ายทุนและหนี้สินสุทธิ

รายจ่ายฝ่ายทุน (CAPEX) ในไตรมาส 1 ปี 2553 เท่ากับ 408 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเม็ด
พลาสติก PET ของ AlphaPet ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และการขยายโรงงาน Petform ที่ประเทศไทย รายจ่ายฝ่ายทุนส่วน
ใหญ่ได้เสร็จสิ้นลงภายหลังการติดตั้งสายการผลิตที่ 2 ของ AlphaPet สินทรัพย์ทั้งหมด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553 เท่ากับ
72,928 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ 47,824 ล้านบาท หรือ 66% มาจากที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์

อัตราส่วนสภาพคล่องเพิ่มขึ้นเป็น 1.04 เท่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553 จาก 0.91 เท่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2552

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553 บริษัทมีหนี้สินสุทธิทั้งหมด 30,908 ล้านบาท ลดลงคิดเป็น 18% จากสิ้นปี 2552 บริษัทได้ชำระ
คืนเงินกู้ระยะสั้นและเงินกู้ระยะยาวจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและส่วนหนึ่งจากเงินรับจากการออกจำหน่ายหุ้น
ในเดือนมกราคม 2553 อัตราหนี้สินสุทธิต่อเงินทุนของบริษัท (net gearing ratio) ลดลงจาก 63% ณ สิ้นปี 2552 เป็น
53% ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553
หนี้สินสุทธิของบริษัทประกอบด้วย

เงินเบิกเกินบัญชีธนาคารและเงินกู้ยืมระยะสั้น 6,348 ล้านบาท
เงินกู้ยืมระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี 4,622 ล้านบาท
เงินกู้ยืมระยะยาวสุทธิจากส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี 22,200 ล้านบาท
รวม 33,170 ล้านบาท
หัก เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 2,262 ล้านบาท
หนี้สินสุทธิ 30,908 ล้านบาท




-6-

ข้อมูลทางการเงิน



- ข้อมูลทางการเงินรวม
- ข้อมูลจำแนกตามกลุ่มธุรกิจ
- งบกำไรขาดทุน และงบดุลรวมของบริษัท




-7-

อัตราแลกเปลี่ยน
ไตรมาส 1/2553
เทียบกับ
ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส
1/2553 4/2552 1/2552 4/2552 1/2552
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ

อัตราถัวเฉลี่ย 32.88 33.31 35.31 -1.3% -6.9%

35.48
อัตราปิด 32.37 33.37 -3.0% -8.8%
อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อยูโร

46.02
อัตราถัวเฉลี่ย 45.52 49.22 -7.5% -1.1%

46.96
อัตราปิด 43.41 47.79 -9.2% -7.6%


ข้อมูลทางการเงินรวม

ตารางที่ 1
IVL : รายได้
ไตรมาส 1/2553
เทียบกับ
ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส
1/2553 4/2552 1/2552 4/2552 1/2552
รายได้รวม
ล้านบาท 24,100 20,922 17,603 15% 37%
ล้านเหรียญสหรัฐ 733 628 499 17% 47%
สัดส่วนรายได้แยกตามภูมิภาค
ไทย 14% 16% 16%
เอเชีย (ไม่รวมไทย) 25% 24% 22%
อเมริกาเหนือ 18% 14% 16%
ยุโรป 36% 37% 39%
อื่นๆ 7% 9% 8%




-8-

ตารางที่ 2
IVL : ผลประกอบการสำคัญและอัตรากำไร
ไตรมาส 1/2553
เทียบกับ
ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส
1/2553 4/2552 1/2552 4/2552 1/2552
EBITDA
ล้านบาท 3,010 2,693 2,801 12% 7%
ล้านเหรียญสหรัฐ 92 81 79 13% 15%
อัตรากำไร (%) 12.5% 12.9% 15.9%
กำไร (ขาดทุน) ก่อนภาษีเงินได้
ล้านบาท 1,890 1,709 1,575 11% 20%
ล้านเหรียญสหรัฐ 57 51 45 12% 29%
อัตรากำไร (%) 7.8% 8.2% 8.9%
* กำไร (ขาดทุน) สุทธิหลังภาษีและส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย
ล้านบาท *1,583 1,380 1,109 15% 43%
ล้านเหรียญสหรัฐ 48 41 31 16% 53%
อัตรากำไร (%) 6.6% 6.6% 6.3%
* รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ IRP จำนวน 53 ล้านบาท ภายหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ต่อผู้ถือหุ้นฯ สัดส่วน
การถือหุ้นของ IVL ใน IRP เพิ่มขึ้นจาก 69.29% เป็น 99.08% ณ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553

ตารางที่ 3
IVL : กระแสเงินสด
ไตรมาส
1/2553
เทียบกับ
ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส
หน่วย : ล้านบาท 1/2553 1/2552 1/2552
EBITDA 3,010 2,801 7%
การเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์ดำเนินงานสุทธิและอื่นๆ (503) 572 -188%
ค่าใช้จ่ายทางการเงินสุทธิ (407) (872) -53%
ภาษีเงินได้ (46) (1) 4500%
กระแสเงินสดอิสระก่อนรายจ่ายฝ่ายทุน 2,054 2,500 -18%
รายจ่ายฝ่ายทุน (408) (1,187) -66%
เงินสดสุทธิจากการ (ซื้อ) ขายบริษัทย่อย 0 0 n/a
กระแสเงินสดอิสระหลังรายจ่ายฝ่ายทุน 1,646 1,313 25%
เงินปันผล (1) 0 n/a



-9-

ไตรมาส
1/2553
เทียบกับ
ไตรมาส ไตรมาส ไตรมาส
หน่วย : ล้านบาท 1/2553 1/2552 1/2552
เงินสดรับจากการออกหุ้นเพิ่มทุน 3,856 0 n/a
การเปลี่ยนแปลงในหนี้สินสุทธิ (5,501) (1,313) 319%
ข้อมูลทางการเงินรวมภายหลังการตัดรายการระหว่างกันในบริษัทในกลุ่ม (หรือระหว่างกลุ่มธุรกิจ) ทำให้อาจไม่เท่ากับ
ยอดรวมของแต่ละส่วนธุรกิจ

ตารางที่ 4
IVL : อัตราส่วนทางการเงิน
ไตรมาส 1/2553 ไตรมาส 4/2552 ไตรมาส 1/2552
อัตราส่วนสภาพคล่อง (เท่า) 1.0 0.9 0.8
อัตราหนี้สินสุทธิต่อเงินทุนของบริษัท (%) 53% 63% 68%
* อัตราหนี้สินในการดำเนินงานสุทธิต่อเงินทุนของบริษัท (%) 51% 61% 66%
อัตราความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย (เท่า) 9.3 7.6 6.0
** อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (%) 30.8% 33.2% 33.6%
*** อัตราผลตอบแทนต่อเงินทุนของบริษัท (%) 15.7% 13.3% 14.9%
* คิดจากหนี้สินในการดำเนินงานสุทธิ ซึ่งไม่รวมหนี้สินของโครงการลงทุนที่ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้และกำไรแก่กิจการ
** กำไรสุทธิหลังหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเฉลี่ย
(ยังมีต่อ)